บทความแก้ข้อกล่าวหา
จากการโพสข้อความ ของนักเลง คีย์บอร์ด ในภาพ จนเป็นเหตุให้ผม เกิดความไม่พอใจ เลยเกิดบทความนี้ขึ้น
ในส่วนการจัดฉากนั้น ไม่ติดใจอะไร (จะอธิบายอย่างละเอียด...ด้านท้าย บทความ)
ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณ น้องคนที่โพสข้อความนี้ ผมได้พูดคุยกับ น้องคนนี้แล้ว เขาไม่รู้จัก คุณนักเลงคนนี้ ตอนนั้น เขานึกว่า นักเลงคนนี้ ว่าคนอื่น แต่น้องเขาตกใจ ที่มารู้ตอนหลังว่า นักเลงคนนี้ พาดพิงถึงผม เลยลบข้อความทิ้งหมด น้องเขาไม่ได้เป็นเพื่อนใน Facebook กับคุณนักเลงคนนี้ เลยไม่รู้ว่าจะตามตัวกันอย่างไร ผมก็ไม่ติดใจอะไร กับน้องเขา เพราะรู้ว่า น้องคนนี้ ไม่ใช่คนที่ไม่พอใจผม
คงทำไปเพราะไม่รู้จริงๆ เพราะถ้าน้องเขารู้ว่า นักเลงคนนี้ ว่าผม น้องเขาไม่กล้าโพสข้อความนี้แน่นอน (ข้อความเป็น Message คุยกันส่วนตัว) จบเรื่องของน้องคนนี้ไปนะครับ ไม่มีอะไร มาคุยกันเรียบร้อยแล้ว
มาว่ากันถึงคำพูดของ นักเลงคีย์บอร์ด ที่กล่าวหาว่าผม "พูดเอาดีเข้าตัว เขาชั่วให้คนอื่น" นั่น....ทำเอาผมของขึ้น เพราะผมไม่ใช่คนแบบนั้น แสดงว่า เขาไม่รู้จักผมอยางแท้จริง ถ้านักเลงคนนี้ มีโอกาส มารู้จักผมอย่างใกล้ชิด จะรู้ว่ามันกลับกัน
ผมเป็นคน เอาชั่วเข้าตัว เอาดีให้คนอื่น ซะมากกว่า ตัวอย่างเช่น เมื่อผมเจออะไรบางอย่าง ที่ควรถ่ายภาพนั้น ด้วยตัวเอง ไม่ให้คนอื่นเห็น แต่ผมกลับ บอกให้คนอื่นมาถ่าย เพื่อให้เขาได้ภาพสวยๆ ภาพนั้น จนตอนหลังผมก็ทนไม่ได้ ถ่ายเอาไว้เหมือนกันในตอนท้าย (กล้องในมือ มันอดไม่ได้ดอก)
ผมเป็นคนแบ่งปันให้คนอื่น แบบนี้นะเหรอ ที่จะไปเที่ยวพูดว่าคนอื่นขนาดนั้น แต่ผมก็พยายามนึกนะว่าผมไปพูดให้ร้ายคนอื่น ตอนไหน เพราะยิ่งเรื่องพูดให้ร้ายคนอื่น ยิ่งไม่ใช่ตัวผม ผมไม่พอใจใคร ไม่พอใจเรื่องอะไร ก็มักเก็บเอาไว้ในใจ พูดให้คนใกล้ตัวฟังบ้าง เล็กน้อยและบอกด้วยว่าอย่าไปขยายความ ถ้าเรื่องไหนเกี่ยวกับ บุคคลที่สาม ผมยิ่งอยู่เฉยๆ
เคยมีที่ผมไม่พอใจภาพบางภาพ เอาไปพูดในกลุ่ม จนเสียเพื่อน ก็มีบ้าง แต่ผมพูดเพราะเจตนา อยากให้เขาเข้าใจมุมมองของผม ซึ่งมันออกมาจากความหวังดีของผม
ที่สำคัญ ผมไม่พอใจใคร ไม่พอใจเรื่องอะไร มันนับจำนวนได้ มีไม่มากกว่า 10คน หรือ 20 เรื่อง ซึ่งมันก็น่าจะเป็น ธรรมดาของมนุษย์ ที่มีสิ่งที่ไม่ชอบกันบ้าง ตามธรรมชาติ และ 10คน 20 เรื่องนั้น ผมแทบไม่ได้พูดออกจากปาก หรือไปโพสข้อความที่ไหนเลย ยกเว้นคนใกล้ตัว ซึ่งเขาก็ไม่ได้เอาไป ขยายความ มันไม่ใช่ 100% อย่างที่คุณนักเลงคีย์บอร์ดกล่าวหา
ผมเข้าใจนะ ว่าคงเป็นคำพูดเอามันส์ ทีแรกผมจะฟ้องหมิ่นประมาท เพื่อให้รู้สำนึกว่า จะมาเที่ยวว่าคนอื่นแบบนี้ ไม่ได้ แต่มาพิจารณาอีกที คนแบบนี้คงแก้ไม่ได้ที่กฏหมาย และเมื่อเรื่องถึงโรงถึงศาล เจ้าตัวก็คงออกมายอมรับผิด และขอโทษ โดยอ้างเหตุ ต่างๆ นาๆ จนผมก็คงใจอ่อน เอาความไม่ได้อยู่ดี เสียเวลาเปล่า แทนที่จะเอาเวลาไป ขึ้นโรงขึ้นศาล ผมขอเอาเวลามา เขียนบทความนี้จะดีกว่า
ขอทิ้งท้ายถึงคุณนักเลงคีย์บอร์ด ว่า หากผมมีสิ่งใดที่เป็นไปตามที่คุณว่า โปรดบอกผมมา ตรงๆ อย่าไปว่าผมลับหลัง ผม "พูดเอาดีเข้าตัว เขาชั่วให้คนอื่น" ตอนไหน กับใคร เมื่อไหร่ ฯลฯ
เพื่อให้โอกาสผมได้รู้ตัวว่า ผมไปทำอย่างนั้นจริง และให้ผมได้แก้ไขความผิดนั้นบ้าง
แต่หากผมไม่เป็นอย่างนั้น คุณก็ไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆไป ผมไม่เอาความคุณ ผมไม่รู้ว่าคุณคือใคร ไม่มีใครรู้ว่าคุณคือใคร
แต่อยากให้ตัวคุณรู้ว่า จะไปเที่ยวพูดแบบนี้อีกไม่ได้ จะพูดแบบนั้นได้ คนที่โดนกล่าวหา มันต้อง สุดๆจริงๆ ก่อนจะว่าใคร คุณต้องดูให้ดีก่อนว่า เขาเป็นอย่างนั้น จริงหรือไม่
เอาล่ะไม่อยากมากความ สุดท้ายนี้ผมขอให้คุณ อ่านบทความต่อจากนี้ ให้เข้าใจในทุกตัวอักษร และโปรดทำความเข้าใจว่า "การถ่ายภาพได้โดยไม่จัดฉาก นับเป็นภาพที่สุดยอด มีมูลค่ามหาศาล......แต่การจัดฉากถ่ายภาพ ไม่ใช่เรื่องผิด จนไร้ราคา ไร้เกียรติ ไร้คุณค่าขนาดนั้น"
บทความเรื่อง "จัดฉากถ่ายภาพ ไม่ใช่เรื่องผิด"
จากการที่ผมเป็นช่างภาพสายประกวดมานาน ผมรู้ว่ามีประเด็นนี้มานานแล้ว แต่ยังไม่เคยมีใคร ออกมาอธิบายอย่างชัดเจนว่า "ทำไมต้องจัดฉาก" ผมเลยขอพูดอธิบายเพื่อให้ คนที่ไม่เข้าใจ และคอยกล่าวหา ดูถูก ดูแคลน ดูหมิ่น ภาพจัดฉาก ได้เปิดใจให้โอกาสกับภาพเหล่านั้นบ้าง
"การถ่ายภาพได้โดยไม่จัดฉาก นับเป็นภาพที่สุดยอด มีมูลค่ามหาศาล...... แต่การจัดฉากถ่ายภาพ ไม่ใช่เรื่องผิด จนไร้ราคา ไร้เกียรติ ไร้คุณค่าขนาดนั้น......."
ส่วนตัวผมเอง มีภาพที่ไม่ได้จัดฉาก แล้วได้รางวัล ก็มีนะครับ แต่ส่วนใหญ่จะจัดฉาก เพราะมันมีเหตุผลที่คุณต้องอ่านและทำความเข้าใจ ดังต่อไปนี้
1. ในการประกวดถ่ายภาพ รายการส่วนใหญ่ จะตั้งโจทย์ขึ้นมา เพื่อให้ได้ภาพที่มีแนวทางเดียวกัน และตรงตามวัตถุประสงค์ของการประกวด
2. มีเวลาเป็นตัวกำหนด หมดเขตรับภาพ ดังนั้น ใครที่มีงานหลัก ไม่ค่อยมีเวลา ออกไปถ่ายภาพ ก็คงหลีกเลี่ยงการจัดฉากไปไม่ได้ ถ้ามัวแต่ออกไปหา จะเจอหรือเปล่า?
3. ผมได้รับโจทย์ ผมก็มักจะเอาวางไว้ในสมอง เวลาสมองมันว่างๆ มันก็จะงัดเอาออกมาคิด ว่าภาพอะไรนะ ที่สมควรได้รางวัล และเมื่อเราคิดได้ จะออกไปหาที่ไหน? จะเจอหรือเปล่า? จะตรงตามที่เราคิดเอาไว้หรือไม่? จะทันเวลาหรือไม่? ฯลฯ
4. เมื่อเจอเป้าหมายที่จะถ่าย แต่ตัวแบบ นั่งผิดที่ เลยขอให้เขา มานั่งตรงที่เหมาะสม อันนี้ถือว่า จัดฉากหรือเปล่า? ถ้าคุณไม่ถือว่าจัดฉาก เพราะเป็นแค่การทำให้ภาพสวยจึ้น..........แต่สำหรับผม...ผมเรียก...จัดฉาก....
เพื่อให้ได้เห็นภาพว่า การทำงานของผมนั้น ทำงานอย่งไรอย่างคร่าวๆ จึงขอนำเอาภาพส่วนหนึ่งที่ได้รับรางวัล มาอธิบายให้ดูว่า ภาพไม่จัดฉากก็มีบ้าง และ ทำไมต้องจัดฉาก ดังต่อไปนี้
(ภาพที่ผมไม่ได้จัดฉาก)
|
รางวัลชนะเลิศ “มหัศจรรย์แดนอีสานในมุมมอง” การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เงินรางวัล 50,000บาท พร้อมโล่ห์เกียรติยศ
ผมเข้าไป ผาชะนะได ทุกปี บางปี 3-4 ครั้ง......ก็ไม่ได้หมอกบางๆ+ดวงอาทิตย์แบบนี้ อีกเลย สมัยแรกๆ ใครจะเข้ามายืนในฉาก ส่วนใหญ่ช่างภาพ จะไล่ หรือ รอให้ออกไปจากฉาก แต่วันนั้น เพื่อนที่ไปด้วยกัน (โรเบิร์ต) ขอเข้าไปยืนถ่ายภาพตรงริมหน้าผา ผมเลยกดชัตเตอร์มา เพราะเห็นว่า มันแปลกดี มันหวาดเสียวดี ระยะหลัง เพื่อนที่มายืนเข้าฉากแบบนี้ ก็ไม่มีอีกแล้ว มีแต่เพื่อนที่ไปด้วยกัน จะผลักเราไปยืนข้างหน้า....ฮ่าๆๆๆๆๆ
|
(ภาพที่ผมไม่ได้จัดฉาก)
|
ภาพรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 “มหัศจรรย์ภาพถ่ายทางดาราศาสตร์ในเมืองไทย” สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เงินรางวัล 10,000บาท
ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์ ผมจัดฉากนี้ไม่ได้ ดาวศุกร์ มีขนาดใกล้เคียงกับโลก
|
(ภาพที่ผมไม่ได้จัดฉาก)
|
ภาพรางวัลชนะเลิศ “มหัศจรรย์ดาราศาสตร์ในประเทศไทย” สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ เงินรางวัล 15,000บาท พร้อมกล้องดิจิตอล Canon G1X
ปรากฏการณ์ จันทรุปราคาเต็มดวง ที่ตำแหน่งของดวงจันทร์ อยู่ใกล้กับ ศูนย์กลางทางช้างเผือก (Milky Way) ทำให้ถ่ายภาพได้ทั้งคู่ ซึ่งปกติ ดวงจันทร์เต็มดวงจะมองไม่เห็น ทางช้างเผือก.....ภาพนี้ จัดฉากไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ถ้าจัดได้ ผมก็อยากไป ตัดต้นไม้ด้านล่างออก กับ เอาพัดลม เป่าเมฆกลุ่มนั้น ออกไปจากเฟรม....นะ.....
|
(ภาพที่ผมไม่ได้จัดฉาก)
|
ภาพรางวัลชมเชย "ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาอุบลราชธานี ๒๕๕๘" การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เงินรางวัล 1,000บาท
ผมโดนกล่าวหาว่า ล่าสุดจัดฉากในวัด แต่ก็ขอบอกว่า ล่าสุดในงานประกวดเดียวกัน มีภาพที่ผมไม่ได้จัดฉาก ได้รางวัลเหมือนกันนะครับ และขอสัญญาไว้ ณ ตรงนี้เลยว่า หากปีหน้า ผมได้ถ่ายประกวด ผมจะจัดฉาก คนเป็นร้อยคน ยกเว้นว่า ทางกองประกวด เชิญไปเป็นกรรมการ ก็คงไม่ได้ถ่าย หรืออาจจะถ่ายเอามาให้ดูเป็น วิทยาทาน ว่าจัดฉากแล้วมันดีอย่างไร รอติดตาม ปีหน้านะครับ......
|
(ภาพที่ผมจัดฉาก)
|
ภาพรางวัลชนะเลิศ “เพื่อนแท้” Best of theme 1 Canon Photo Marathon Thailand 2010 รางวัลกล้อง Canon EOS 550D Kit 18-55 มูลค่า 29,900บาท
เพื่อนแท้......หนามเตย บอกผมว่า หมาจูงคน.....เราก็ขับมอไซด์ไปสมาคมคนตาบอด เพื่อหาอาจารย์ที่มีสุนัขนำทาง ได้เบอร์โทรมาแล้ว โทรหาไม่รับสาย วิ้งไปกองสลาก เขาบอกว่า มีคนตาบอดอยู่แถวปากเกร็ด มันไกลมาก ไปถ่ายแล้วกลับมาส่งภาพในเวลาไม่ทัน ผมก็เลยให้ หนามเตย ใส่แว่น(ยืมตุ๊กๆ) ยืมสุนัขแถวนั้น(บ้านแถวราชดำเนิน) เอาไม้ที่เขาเสียบไว้ให้ต้นไม้เลื้อย มาทำเป็นคนตาบอด คุณว่า ผมต้องใช้ความพยายามขนาดไหน ในการ เจรจา.....เมื่อได้ภาพแล้ว เอาสุนัขกลับไปคืน ในจังหวะนั้น พี่คนขายล๊อตเตอรี่ มาขายให้ผมพอดี ผมเลยอธิบายและขอให้เขาเป็นนายแบบ เขาก็เต็มใจ แว่นตาไม่มีแล้ว พี่ตุ๊กๆ ไปแล้ว พี่คนขายล๊อตเตอรี่ บอก ไม่เห็นต้องใช้เลย แล้วแกก็ทำหน้าทำตาอย่างในภาพ ให้ผม.....ถ้าไม่จัดฉาก ผมจะได้ภาพนี้มั้ย? คุณว่า กว่าจะได้ผมต้องทำอะไรบ้าง? ผมต้องซื้อล๊อตเตอรี่ 800บาท นะจะบอกให้
|
(ภาพที่ผมจัดฉาก)
|
ภาพรางวัลรองชนะเลิศ “ภูมิทัศน์ หัตถศิลป์ ถิ่นเวียงพิงค์” Canon Photo Marathon Chiangmai 2010 รางวัล กล้องดิจิตอล Canon IXUS 105 มูลค่า 6,990บาท
ก่อนวันแข่ง ผมขับมอไซด์ทั่วเมืองเชียงใหม่ เป็นเวลา 3-5วัน เพื่อดูว่า ที่ไหนมีอะไรบ้าง และเมื่อได้รับโจทย์ ผมก็ตรงไปที่นี่เลย ซึ่งไม่มีใครไปและคิดถึง หลายคนไปถ่ายทำเครื่องเงินหมด ภาพนี้ผมมีข้อเสียนิดเดียว ไม่อย่างนั้น จะได้ชนะเลิศแน่นอน เพราะ กรรมการพูดถึงการใช้แฟลชแยก แล้วมันเกิดเงา ซึ่งก็คือภาพผมนั่นเอง ซึ่งถ้าภาพนี้ชนะเลิศ ไม่รู้คะแนนรวมผม อาจพุ่งไปชนะการแข่งก็เป็นได้ เสียดายเหมือนกันครับ ต้องขอขอบคุณ คุณตา ร้านประเทืองเครื่องเขิญ จ.เชียงใหม่ ที่ให้ความอนุเคราะห์ผม ทั้ง 2 ปี ที่ไปแข่งขัน อำนวยความสะดวกในการถ่ายภาพเป็นอย่างดี ผมก็ได้ล้างอัดภาพส่งไปให้ที่ร้าน เป็นของที่ระลึก มิตรภาพแบบนี้แหละครับ ที่มันเกิดขึ้น จากการจัดฉากของผม ถ้าไม่จัดฉาก ไปแอบถ่ายแล้วก็กลับบ้าน เขาไม่รู้จักเรา เราไม่รู้จักเขา เผลอๆ เขาไม่รู้ด้วยว่าเราถ่ายภาพเขา.....แล้วมิตรภาพจะเกิดมั้ย?.....ผมภูมิใจตรงไหนนะเหรอ.....ผมทำห้อง..รกๆ...ที่ตอนแรกคุณลุงยัง งง ว่าผมจะถ่ายอะไรในห้อง รกๆนี้......ผมย้ายข้าวของ จัดใหม่ จนได้ภาพนี้ คุณลุงและหลาน ชอบมากๆ ...ผมภูมิใจมากครับ ที่สามารถพูดขอความอนุเคราะห์กับคนอื่นที่ไม่สนิท รื้อข้าวของเขา กระจาย จนได้ภาพห้องทำงานที่แสนสวยในภาพนี้
|
(ภาพที่ผมจัดฉาก)
|
ภาพรางวัลรองชนะเลิศ “Runner Up” Canon Photo Marathon Thailand 2010 รางวัลกล้อง Canon 60D และ Photho Clinic ที่ประเทศ ตุรกี 8 วัน
ก่อนวันแข่ง ผมขับมอไซด์ทั่วกรุงเทพ เป็นเวลา 3วัน เดินเขาตรอกซอกซอยต่างๆ จดจำว่าอะไรมีที่ไหน ผมได้รับโจทย์ที่สุดหิน "จุดเชื่อมต่อของกาลเวลา" เฮียยุ่น แนะนำ เรื่องโทรศัพท์ ผมก็นึกถึงบ้านหลังนี้ และตรงไปที่บ้านหลังนี้ทันที คุณลุงและหลานสาว ให้ความอนุเคราะห์ผมเป็นอย่างดี อีกคนก็หนามเตย ที่ทีแรกไม่เต็มใจนักจะเป็นนายแบบ แต่ก็จำยอมเพราะไม่มีใครแล้ว ทั้งหมดผมต้องขอขอบคุณมากๆนะครับ ที่ทำให้ผม เกือบชนะเลิศในการแข่งขัน แต่รางวัลรองชนะเลิศ ก็สุดความคาดหมายของผมแล้ว เพราะได้ไป ตุรกี แค่ 2 คนเท่านั้น คือชนะเลิศและรองชนะเลิศ......ถ้าวันนั้น ผมไม่จัดฉากผมก็คงไม่มาถึงวันนี้ หรอกครับ.......ผมภูมิใจมาก .....คุณนักเลงเขาสงสัย ว่าน่าภูมิใจตรงไหน....ผมไม่สนครับ......ผมภูมิใจมากๆๆๆ ก็พอ และภาพนี้ ทั้งหนามเตย ทั้งคุณลุงและหลาน เมื่อได้รับภาพที่ผมล้างอัด+ใส่กรอบ ไปให้ ก็พอใจเป็นอย่างยิ่ง เท่านี้ผมก็ภูมิใจแล้ว ผมไม่สนหรอกว่าคุณนักเลง จะภูมิใจกับผมหรือเปล่า.......(ปล. ภาพมีข้อเสียที่ Distrotion ที่รองเท้าของหนามเตย ทำให้ไม่ติดรางวัลเล็ก แต่ไปติดรางวัลใหญ่...อ่ะ...งง...มั้ย......อิอิ)
|
(ภาพที่ผมจัดฉาก)
|
ภาพรางวัล การประกวดภาพถ่าย “ส่งตะวัน เล่นไฟ ใต้แสงดาว สามพันโบก” ม.ค. 56 เงินรางวัล 10,000บาท
ถ่ายพลุกับสามพันโบก ถ่ายหลุมถ่ายโบกถ่ายน้ำเฉยๆ ก็ได้....แต่ผม นักจัดฉาก...ผมเอา เต้นท์ไปตั้ง และ จักรยานไปจอด.......เพราะผม นึกถึง บรรยากาศยุคแรกๆที่ผม ไปเที่ยว สามพันโบก ......ผมชอบกางเต้นท์นอน มันผิดด้วยหรือ ที่ผมอยากเอาสิ่งที่ชอบ ใส่ลงไปในภาพที่ผมจะถ่าย....ใครดูเหมือนไม่จัดฉาก ขอให้คิดเสียใหม่ครับ....ผมจัดฉาก เอง....ครับ......และผมภูมิใจการจัดฉากของผม แล้วมันได้รางวัล เพราะถ้าผม ไม่เอาเต้นท์ไปกาง ไม่เอาจักรยานไปจอด ภาพนี้ อาจไม่ได้รางวัล ก็เป็นไปได้ คุณนักเลง พอจะเริ่มเข้าใจหรือยังว่า ผมภูมิใจ...ตรงไหน......
|
(ภาพที่ผมจัดฉาก)
|
ภาพรางวัลชนะเลิศ “วิถีชีวิตยอดเยี่ยม” กรมชลประทาน ปี’56 เงินรางวัล 10,000บาทคนหมา
ผมทราบมาว่า กรรมการ ตัดสินภาพเสร็จแล้ว รางวัลต่างๆ ครบแล้ว แต่คณะกรรมการ ได้เพิ่มรางวัลขึ้นมา ให้กับภาพนี้ เพราะสวยโดนใจกรรมการมากๆ ภาพผมอีก 2 ภาพไม่ถึงเกณฑ์ (3 ภาพเล่าเรื่อง) ...... ผมวางแผนมาจากบ้าน ซื้อปลามาจากตลาด ให้พี่หลวง พาสุนัขคู่ใจ ไปจัดฉากนี้ อยากจะเรียนว่า น้ำตรงใต้เรือ ลึกประมาณ ตาตุ่ม ....ผมจัดฉากเองครับ.....จัดจนได้รางวัลพิเศษ ต้องขอขอบพระคุณคณะกรรมการ ที่สร้างความภาคภูมิใจให้ผมเป็นอย่างยิ่งครับ.......
|
(ภาพที่ผมจัดฉาก)
|
ภาพรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 “มหัศจรรย์ภาพถ่ายทางดาราศาสตร์ในเมืองไทย” สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เงินรางวัล 5,000บาท หินหัวสุนัข
ผมเป็นนักถ่ายดาวยุคแรกๆ ที่เอากล้อง Digital ไปถ่ายดาว ตอนนั้นหลายคนยังกลัวกล้องพังกันอยู่เลย แต่ผมไม่กลัว พังก็ซ่อม และผมทราบมาว่า มันไม่ได้พังง่ายๆขนาดนั้นหรอก กับการเปิดม่านชัตเตอร์นานๆ ช่างภาพสมัยนั้น "หมดแสงเก็บกล้อง" แต่สำหรับผม "หมดแสงเริ่มถ่าย" และภาพนี้ ผมก็จัดฉากเหมือนกัน เพราะธรรมชาติตรงนี้ ไม่มีแสงไฟ ผมเป็นคนแรกๆ (ของโลกหรือเปล่าไม่แน่ใจ) ที่เอาไฟฉายไป ระบายตามวัตถุ เพื่อให้เกิดภาพในกล้อง โดยไม่ใช้แฟลชยิง การทำอย่างนี้ สำหรับผม เรียกว่า จัดฉาก เหมือนกันครับ ถ้าคุณนักเลง มองว่า ภาพนี้ไม่ได้จัดฉาก คุณเข้าใจการไม่จัดฉาก น้อยกว่าผมแล้วแหละ สิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ แล้วมันเกิดขึ้นจากตัวเรา ผมเรียกมันว่า การจัดฉาก ทั้งนั้นแหละครับ ...... ผมภูมิใจตรงไหน?.......ผมภูมิใจมาก ที่เป็นคนแรกๆ ที่เอาไฟฉายระบายฉาก
|
(ภาพที่ผมจัดฉาก)
|
ภาพรางวัลชมเชย “มองสิงห์ผ่านเลนส์” 2556 บริษัท สิงห์ คอเปอเรชั่น จำกัด เงินรางวัล 20,000บาท
จาก แนวคิดที่ว่า ขวดน้ำสิงห์ เมื่อเจอในกองขยะ มันมีค่ามาก......ถ้าไม่จัดฉาก คุณก็ไปนั่งรอคนเก็บขยะก็แล้วกัน ว่าเมื่อไหร่ เขาจะหาขวดน้ำสิงห์เจอ ในกองขยะขนาดมหึมา คุณจะทนดมกลิ่นได้นานแค่ไหน.....ภาพนี้ผมจัดอย่างดี ถ่ายเพียง 2 รอบก็จบ การได้รางวัลชมเชย ที่มีมูลค่ามากถึง 2 หมื่นบาท คุณไปหาดูว่า รายการประกวดกี่รายการได้มากขนาดนี้ ..........ผมภูมิใจตรงไหน?.......ผมโคตรภูมิใจเลยครับ.....ที่ความคิดผม ติดอันดับ 8 ภาพที่ได้รางวัล จากภาพที่ส่งกันมา มากมายหลายพันภาพ
|
(ภาพที่ผมจัดฉาก)
|
ภาพรางวัลชมเชย “มองพลังงานผ่านเลนส์” กระทรวงพลังงาน ของรางวัล มูลค่า 6,000บาท
เด็กเขาเล่นกันอยู่แถวนั้น เขาไม่ได้เล่นแกลบกันหรอกครับ แต่เราอยากให้ แกลบเป็นตัวชี้นำเรื่องราวในภาพ ถ้าคุณไม่จัดฉาก ให้เด็กๆมาโยนแกลบ คุณก็นั่งรอไปเหอะครับ ฟ้าช่วงเย็น สวยๆ คุณนักเลงคงรู้ว่า มีเวลาถ่ายได้แค่กี่นาที นะครับ......ผมภูมิใจตรงไหน?.......ออกจากบ้านยังไม่รู้ว่าจะถ่ายอะไร รู้แต่ว่า แกลบๆๆ พอไปถึง เห็นเด็กๆ เล่นกัน ผมก็สามารถนึกออกว่าให้เขา มาโยนแกลบ เป็นไอเดียเกิด ณ สถานที่ถ่ายทำ ณ เวลาที่สำคัญ พิดิบพอดี แสดงว่า หัวสมองของผม มันไม่ตีบตัน โครตภูมิใจในหัวสมองของตัวเอง เลยครับ.....
|
(ภาพที่ผมจัดฉาก)
|
ภาพรางวัลชนะเลิศ “รับตะวันใหม่ก่อนใครในสยาม” ธ.ค. 56 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี & ชมรมถ่ายภาพจังหวัดอุบลราชธานี เงินรางวัล 10,000บาท
ผมอยากจะเรียนว่า วันนั้น เดินหาตัวแบบไม่ได้เลย เพื่อนๆ เขาก็ต่างมีนายแบบนางแบบกันแล้ว เรายังไม่มี เดินไปเรื่อยๆ สะดุดตาที่ น้อง 2 คนนี้ แต่ก็ยังเงียบไว้ ไม่เข้าไปขอเขา เดินต่อไปเรื่อยๆ จนแทบจะสุดหน้าผา แต่น้อง 2 คนนี้ ก็เดินหาที่นั่ง ตามผมมาเรื่อยๆ เหมือนกัน จนสุดทางผมก็ยังไม่เจอแบบ ดวงอาทิตย์ ก็กำลังจะขึ้น ....นาทีนั้น ถ้าไม่จัดฉากแบบคุณนักเลง ต้องการ....ก็คงเดินกลับไป กลับมา จนสายจนบ่ายจนค่ำ ไม่รู้จะได้ภาพรึเปล่านะครับ .... ดังนั้น นิสัยแย่ๆของผม เลยต้องงัดมาใช้ ..."จัดฉาก".....ผมภูมิใจตรงไหน?.......ผมภูมิใจในโชคชะตาของผม ที่หาแบบไม่ได้ แต่ก็มีโชคที่น้องเขา เดินตามผมมา ทันเวลาก่อนอาทิตย์ขึ้น พอดีๆ
|
(ภาพที่ผมจัดฉาก)
|
ภาพรางวัลชนะเลิศ “เยือนชุมชนคนทำเทียนอุบลราชธานี ๒๕๕๘” การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เงินรางวัล 8,000บาท ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ภายในประเทศ 2 ที่นั่ง จาก Air Asia
ภาพที่ไม่เหมือนใคร ไม่เคยมีใครถ่ายมาก่อน ครบทุกขั้นตอน แสงสวยลงตัว มีช่างเยอะๆ ถอดเสื้อทุกคน ยืนเรียงกันเป็น Composition แบบก้นหอย...ฯลฯ เป็นสิ่งที่ผม ตั้งใจไว้มาจากบ้าน.....ผมให้คุณนักเลง เดินหาทุกคุ้มวัด แล้วถ่ายให้ได้เงื่อนไขนี้ โดยไม่จัดฉาก ถ้าคุณทำได้ ผมยินดีมากครับ.....แต่ไม่มีรางวัลให้ ผมแค่อยากจะแนะนำ ให้คุณเอาภาพนั้น ส่งเข้าประกวด ว่าแต่....เมื่อไหร่ ก็แล้วแต่ว่า คุณจะได้ภาพนั้น ปีไหน นะแหละครับ.......ผมภูมิใจตรงไหน?.......ช่างถัง หัวหน้าช่างทำเทียน วัดสุปัฎนาราม และช่างทำเทียนทุกคน เอ็นดูผม ให้ความไว้วางใจ ให้ความอนุเคราะห์ แก่ผม ช่วยผมทุกอย่างที่อยากจะได้ เพื่อนๆ ก็มาช่วยให้กำลังใจ เฮียหมี ลงทุนขับรถกลับบ้าน ไปเอาขาตั้งใหม่แกะกล่อง มาเพิ่มให้ จนผมได้ภาพนี้ แม้ไม่ได้รางวัล ผมก็ภูมิใจแล้วครับ ที่ผมสามารถ ถ่ายภาพขั้นตอนการทำเทียน ได้ครบในภาพเดียว คุณนักเลง ได้โปรด มาภูมิใจ เป็นเพื่อนผมเถอะครับ.....
|
สรุป
ถ้าผมถ่ายภาพได้ โดยไม่จัดฉาก ผมจะภูมิใจอย่ายิ่งยวด และมีความสุขมากๆ .......แต่ผมรอไม่ได้ เวลามันมีไม่พอ ทั้งทำงาน ทั้งครอบครัว ทั้งเวลาหมดเขต ฯลฯ ผมจึงต้องใช้สมองในการคิด และ จัดฉากถ้าจำเป็น (พักหลังๆ มันจำเป็นซะส่วนใหญ่) และเมื่อคิดได้แล้วหาถ่ายไม่ได้ ผมก็ต้องจัดฉากสิครับ ....ผมไม่รอจนคนอื่น คิดและถ่ายได้ก่อนอยู่แล้ว.......เวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับมนุษย์
ถ้าปมของคุณนักเลง ในเรื่อง การจัดฉาก มันมาจาก การที่คุณ ส่งภาพเข้าประกวด แล้วแพ้ภาพจัดฉาก จนเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ท้อแท้ แค้นเคือง ฯลฯ ก็จงโปรดเข้าใจไว้ว่า ในการประกวดถ่ายภาพ ส่วนใหญ่ ไม่มีกฏห้ามอย่างชัดเจน มันเป็นเพียงเกณฑ์การตัดสิน และดุลยพินิจของกรรมการ ที่คุณไม่สามารถเข้าไปบังคับ ขัดแย้ง ให้ความเห็น หรือโต้เถียง การตัดสินนั้นได้ คุณจงยอมรับเสีย ถ้าทำไม่ได้ ผมแนะนำให้คุณ เลิกส่งภาพเข้าประกวด ซะ.......เพราะ การจัดฉาก จะอยู่ในการประกวด ต่อไปอีกยาวนานหาที่หยุดไม่ได้ เพราะผมนึกภาพไม่ออกว่า ถ้าประกาศกฏห้ามจัดฉาก แล้วกรรมการจะใช้อะไรในการวิเคราะห์ว่าภาพนั้นจัดฉากหรือไม่?....แล้วถ้าตัดสินออกมาว่าจัดฉาก แล้วภาพนั้น ไม่ได้จัดฉาก กรรมการจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ทำนองเดียวกัน ตัดสินว่าไม่จัดฉาก แล้วมีคนถ่ายเบื้องหลังการจัดฉาก ออกมาแฉ การประกวด คงวุ่นวาย น่าดู......
ถ้าคุณยอมรับไม่ได้กับการจัดฉากถ่ายภาพ ก็ขออย่าไปวิเคราะห์วิจารณ์งานคนอื่นเขา เพราะการถ่ายภาพ มันออกมาจากใจรัก ผลผลิตคือภาพถ่ายมันออกมามีความรักติดออกมาด้วย เขาจะรู้สึก เสียใจแค่ไหน เมื่อมีคนไม่ชอบผลงาน ซึ่งการจัดฉาก มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของการถ่ายภาพนี่แหละ เช่น เวลาถ่ายรูปหมู่นักศึกษา คุณเป็นตากล้อง คุณก็ยืนอยู่เฉยๆ ไม่ต้องจัดอะไร ไม่มีใครไปจัด ใครอยากยืนตรงไหนก็ยืน อาจารย์อยู่ตรงไหน ก็แล้วแต่....คุณก็แค่รอตอนที่เหมาะสมในการกดชัตเตอร์ หรือ กดไปเรื่อยๆ แล้วค่อยไปเลือกเอา....คงจะนึกภาพหมู่ นั้นออก.....
ดังนั้น การถ่ายภาพ มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ จัดกับไม่จัด....แนวปฏิบัติของช่างภาพ ก็มีขั่วแบบนี้อยู่ลึกๆในใจ เหมือนกัน ผมรู้ดี......จงเคารพซึ่งกันและกัน.....ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ยกย่องกันบ้าง จึงจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบ นะครับ......จบ
ขอขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ท้ายนี้ผมขอกราบขอบพระคุณ นายแบบ นางแบบในภาพของผม รวมถึง ผู้ช่วย และเพื่อนๆ ทุกท่าน ที่เอื้อเฟื้อ เอ็นดู และอนุเคราะห์ให้ผมได้ภาพถ่าย ตรงตามความต้องการของผม หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะให้ผมช่วยเหลือ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะนับเป็นสิ่งตอบแทนจากการจัดฉาก ที่ผมจะขอมอบให้แก่ทุกคน ด้วยความเต็มใจ ครับ.......
|
|